วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2551

ลดภาษี เรื่องใหญ่(อ่านแล้วดีเลยไปก้อบมาเล่าต่อครับ)

พูดถึงคำว่า “ภาษี” คำคำนี้ช่างแสลงใจใครต่อใครถือเป็นโจทย์ ใหญ่ของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำยังไงให้ผู้คนในประเทศนี้ ยอมรับ และมองโลกในแง่ดีกับคำที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะคบด้วยซักเท่าไหร่
ยิ่งเป็นคนทำธุรกิจ พ่อค้าวาณิชน้อยใหญ่... จะยิ่งอยากห่างไกลให้ได้มากที่สุด ไม่เชื่อก็ลองสำรวจความคิดเห็นดูก็ได้ ถามไถ่ซักร้อยคน...ดูว่าจะมีกี่คนที่ไม่เบือนหน้าหนี
เรื่องนี้คงไม่สามารถทำให้คนรักคนชอบได้ในเร็ววันหรอกครับ มันสั่งสมมาเป็นร้อยปี ถ้าจะแก้ไขก็ต้องใช้เวลาพอสมควร และต้องใช้กลยุทธ์มากเอาการถึงจะค่อยๆ สร้างทัศนคติที่ดีกลับมาได้บ้าง เอาไว้คราวถัดไปจะขอเสนอหน้าขายไอเดียให้ท่านเสนาบดีที่เกี่ยวข้องลองพิจารณานะครับ
แต่ถึงวันนี้...ก็ต้องยอมรับล่ะครับว่า รัฐบาลชุดนี้...มีความตั้งใจดีที่จะช่วยเหลือผู้คนในสังคมให้อยู่ดีกินดีขึ้น ก็มาตรการลดหย่อนภาษีตั้ง 19 ข้อ...ที่รัฐบาลผลักดันออกมาให้เมื่อไม่นานนี้ไงครับ
โดยส่วนตัว...ผมต้องขอโค้งคำนับซัก 3 ครั้ง ที่ยังอุตส่าห์นึกถึงหัวจิตหัวใจผู้ประกอบการตัวเล็กตัวน้อยในบ้านในเมืองนี้ แม้การลดหย่อนภาษีที่ว่าจะเป็นแค่ยาหม้อเล็ก ใช้รักษาโรคทางธุรกิจได้บางส่วน แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้พ่อค้าแม่ขายได้แต่นั่งรอความตายอย่างหมดหวัง
ผมอยากไล่ให้ฟังว่า มีมาตรการลดหย่อนภาษีตัวไหนที่ผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์บ้าง
ข้อ 6. ห้างหุ้นส่วนหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคลซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 ถ้าเงินได้ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี...ข้อนี้ดีมาก เพราะกระชากใจชาวบ้านที่รวมตัวกันทำกิจการเล็กๆ ในชุมชน สินค้าดี...พอขายได้...ใช้จ่ายในกลุ่มก้อน ทำให้คนมีงานทำ มีรายได้แบ่งปันกัน ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เป็นเรื่องที่น่าส่งเสริมอย่างยิ่ง...นี่จึงเป็นโอกาสทองของคนในท้องถิ่นที่จะรวมตัวกันทำมาหากินเดือนละไม่เกินแสนก็ไม่ต้องเสียภาษีครับ
ข้อ 7. ปรับปรุงภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท (เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. 2551 เป็นต้นไป) ยกเว้นภาษีกำไรสุทธิส่วนที่ไม่เกิน 1.5 แสนบาท ส่วนที่เกินคิดในอัตราเดิม...ข้อนี้ดีสำหรับเถ้าแก่น้อยหรือผู้ประกอบการหน้าใหม่ ธุรกิจไซส์เล็กไม่เกิน 5 ล้านบาท ถือว่าน่าส่งเสริม แม้ว่าของเดิมไม่ต้องเสียภาษีถ้าธุรกิจขาดทุน ซึ่งส่วนใหญ่ก็พยายามเลี่ยงภาษีด้วยการทำให้กิจการไม่มีกำไร ต้องไปเสียเงินเสียทองแพงๆ จ้างคนมาตกแต่งบัญชีให้ขาดทุน แต่หลังจากนี้ไม่ต้องหลบหนีไปไหน ว่ากันได้ตามตรง เป็นการทำให้คนทำธุรกิจกลับเข้าระบบมากขึ้น
ข้อ 8. ให้บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน หักค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งเครื่องจักรอุปกรณ์วัสดุที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน (ทรัพย์สินจะต้องได้มาและพร้อมใช้งานได้ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2553) สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 1.25 เท่าของค่าใช้จ่าย...แปลว่า ซื้อมา 100 แต่หักได้ 125 ทำให้กำไรลดลง กิจการก็เสียภาษีน้อยลง
เรื่องนี้ดีทั้งในแง่การลงทุน...ดีทั้งในเรื่องประหยัดพลังงาน กิจการไหนกำลังจะเปลี่ยนหม้อแปลงหรือเครื่องจักร ก็ฟาดเหนาะๆ สองเด้ง กิจการไหนเป็นคนขายเครื่องจักรดังว่า ก็เตรียมอ้าแขนรับลูกค้าเพิ่มขึ้นแน่นอน
ข้อ 9. ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเบื้องต้นของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตสินคาหรือให้บริการ (ทรัพย์สินจะต้องได้มาและพร้อมใช้งานภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2553) สามารถหัก 40% ในวันที่ได้ทรัพย์สินมา ส่วนที่เหลือให้หักอัตราปกติ...ประเด็นนี้จะได้ประโยชน์ ทำให้ปีแรกหักค่าเสื่อมราคาได้สูงถึง 40% ก่อนเลย เท่ากับว่าจะทำให้เหลือกำไรสุทธิไปเสียภาษีน้อยลง เหลือเงินไปขยายกิจการได้เพิ่มขึ้น แบบนี้ก็น่าลงทุนล่ะสิ
ข้อ 10. ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ใน 3 รอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ได้รับทรัพย์สิน...นี่ก็เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ยุคนี้แทบทุกกิจการมักจะซื้อซอฟต์แวร์มาใช้ในการบริหารจัดการ ถูกบ้างแพงบ้าง เที่ยวนี้ก็ลงทุนได้เลย เพราะหักค่าเสื่อมได้ ไม่ต้องไปแอบก๊อบโปรแกรมชาวบ้านแบบผิดกฎหมายอีกแล้ว
ข้อ 11. ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทรัพย์สินถาวรไม่รวมที่ดินไม่เกิน 200 ล้านบาท และจ้างงานไม่เกิน 200 คนหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ 40% ในวันที่ได้ทรัพย์สินมา ส่วนที่เหลือให้หักภายใน 3 รอบบัญชี...
ข้อนี้เน้นที่เป็นธุรกิจ SMEs โดยตรง ให้สิทธิปีแรกหักค่าเสื่อมเยอะหน่อยก็จะทำให้เสียภาษีน้อยหน่อย เป็นประโยชน์ทั้งคนซื้อและคนขาย ทำให้ตลาดซอฟต์แวร์กลับมาคึกคัก ผู้คนในแวดวงนี้ก็จะได้มีช่องทางทำมาหากินเพิ่มขึ้น
ข้อที่เหลือจะเป็นเรื่องของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และมีข้อท้ายๆ เกี่ยวกับการลดภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ลดฮวบจาก 3% เหลือ 0.1% ประหยัดภาษีได้อื้อเลย และลดค่าธรรมเนียมโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% ..นี่ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้คนซื้อคนขายที่ส่วนใหญ่จะตกลงจ่ายคนละครึ่งได้มหาศาล
สุดท้ายข้อ 19.เป็นการลดค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01% ...ตัวนี้คนที่แฮปปี้คือผู้ซื้อบ้านช่องห้องหอ คอนโดมิเนียม ตึกแถว ประหยัดค่าภาษีเอาเงินไปใช้หนี้ได้สบายๆ เลยครับ
ถามว่า...มาตรการลดภาษีเที่ยวนี้จะดีมากน้อยแค่ไหนยังไม่รู้...รู้แต่ว่าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ที่แน่ๆ กระชากกระแสการใช้จ่ายเงินได้แบบโดนใจ คนได้ประโยชน์เห็นๆ...คนเสียประโยชน์ยังมองไม่ชัด เราๆ ท่านๆ ประหยัดค่าใช้จ่ายเหลือตังค์ใช้อีกหลายบาทแน่นอน
ยามนี้...มีคนยื่นมือมาช่วย...ย่อมดีกว่ามีแต่คนบอกให้ต้องปรับตัว...ลูกเดียว
ทำธุรกิจ...ก็เหมือนกับ...ขับรถให้ถึงเป้าหมาย
วันนี้...เรามีเป้าหมาย เรามีรถ...เราสามารถเตรียมรถให้พร้อม เราสามารถหาแผนที่หาเส้นทางที่จะไปได้แล้ว
และวันนี้รัฐบาลได้จัดแหล่งเงินทุนไว้รองรับมากมายหลายแบงก์ และยังช่วยลดหย่อนภาษีให้ตั้งหลายอย่าง...เปรียบไปก็เหมือนรัฐบาลทำเส้นทางทำถนนให้พร้อมแล้ว...
ที่เหลือ...ก็อยู่ที่เราจะขับรถของเราไปให้ถึงเป้าหมายได้อย่างไร..
รถจะคว่ำคะมำหงาย...จะปีนป่ายขอบถนน...จะพ้นออกนอกเส้นทาง หรือวิ่งไปประสานงาคันอื่น...
อยู่ที่...คนขับรถ...ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: