วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

นวัตกรรมใหม่ “บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย” จากสิ่งไร้ค่า..เพิ่มมูลค่ามหาศาล

ในบรรดาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร มีหลายอย่างที่ถูกนำมาทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม จนกระทั่งกลายเป็นรูปแบบสินค้าประเภทต่างๆ และหนึ่งในนั้นคือ “บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย” เป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร ชนิด Biodegradable ซึ่งเป็นผลงานของ “บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด” ที่ใช้ระยะเวลา 4 ปี ในการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตขึ้นใหม่ เทคโนโลยีการผลิตที่กล่าวถึงนี้ เป็นกระบวนการผลิตที่ประหยัดพลังงานเพราะใช้ไอน้ำ ไม่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งไม่ก่อให้เกิดของเสียจากกระบวนการผลิต จึงเรียกได้ว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนายแพทย์วีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด เปิดเผยถึงที่มาแนวความคิดในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ว่า ปัจจุบันโลกร้อนขึ้นทุกวัน พวกโฟม พลาสติกถือว่าเป็นสารก่อให้เกิดโรคมะเร็งที่เป็นสิ่งไม่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งไม่สามารถย่อยสลายได้หรือไม่ก็ต้องใช้เวลานับพันปี กว่าจะมีการย่อยสลายดังนั้นบริษัทจึงพยายามคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ทดแทนพลาสติกและโฟม จนในที่สุดก็พบว่า ชานอ้อยมีคุณสมบัติที่สามารถผลิจเป็นบรรจุภัณฑ์ประประเภทต่างๆ ได้ ทั้งหมดก็เลยกลายมาเป็นที่มาของ “บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย” “บรรจุภัณพ์จากชานอ้อยใช้บรรจุอาหารที่ทำจากเยื่อกระดาษชานอ้อย ที่ทางเรารับเยื่อชานอ้อยมาจากโรงงานน้ำตาล และในขณะนี้เรามีบรรจุภัณฑ์ให้เลือกมากกว่า 70 แบบ ทั้งประเภทจานขนาดต่างๆ ชามขนาดต่างๆ ถาดขนาดต่างๆ ถ้วยน้ำและกล่องมีฝาปิด อีกทั้งยังสามารถขึ้นแบบได้ตามความต้องการ โดยความน่าสนใจของ “บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย” คือ มีคุณสมบัติที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติภายใน 45 วันเมื่อถูกฝังลงดิน ทำให้ไม่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารพิษปนเปื้อน เพราะใช้เยื่อกระดาษที่ไม่มีคลอรีนในการฟอกสี คือ กระบวนการ ECF ซึ่งในขณะนี้เป็นเจ้าเดียวในโลกที่ใช้ นอกจากนี้ยังสามารถใส่อาหารได้ทั้งร้อนและเย็น ใช้ได้กับตู้อบและเตาไมโครเวฟได้อีกด้วย โดยวิธีการผลิตมีดังต่อไปนี้” นายแพทย์วีรฉัตรกล่าวจากกระบวนการผลิตที่เรียบง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้เยื่อกระดาษชานอ้อยจากธรรมชาติที่ไม่ใช้คลอรีนในการฟอกสี(ECF) จึงมั่นใจในความสะอาดและปลอดภัยจากสารพิษปนเปื้อนและไม่ก่อให้เกิดของเสียจากกระบวนการการผลิต บรรจุภัณฑ์ทุกชิ้นได้ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสงUV ก่อนส่งถึงมือผู้บริโภค” นายแพทย์วีรฉัตรกล่าวนายแพทย์วีรฉัตรกล่าวว่าการหันมาจับธุรกิจในครั้งนี้ เป็นการตอบโจทย์ตลาด 2 อย่าง คือ ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและเรื่องของสุขภาพ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องอยู่ในเทรนด์ที่ตลาดโลกให้ความสำคัญ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์ประเภทย่อยสลายได้ด้วยธรรมชาติมีจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้ชานอ้อยผสมกับเยื่อต้นกก ส่วนที่มาเลเชียจะใช้เยื่อปาล์มในการผลิต ถ้าประเทศฝั่งยุโรปจะใช้ยูคาลิปตัน“ตอนนี้ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีการผลิตใช้เยื่อชานอ้อย ของเราถือว่าดีที่สุด เพราะในแง่ความสะอาด ความสวยงาม ความแข็งแรงและความปลอดภัยมีมากว่าผู้ผลิตรายอื่น เนื่องจากเราใช้เยื่อชานอ้อย 100% ในการผลิต และบริษัทฯ มีกำลังการผลิตสินค้า 200 ล้านชิ้นต่อปี โดยใช้ชานอ้อยใน 1 ปี ประมาณ 3000 ตัน ซึ่ง 70% ส่งออกไปต่างประเทศ อีก 30% เป็นตลาดภายในประเทศ” นายแพทย์วีรฉัตรกล่าวกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีการผลิตบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย ได้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยทั้งในด้านการเกษตร ด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม อาทิเช่น ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพิ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เพิ่มมูลค่าให้กับชานอ้อยที่เป็นวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร พร้อมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายในด้านการรักษาพยาบาลผู้ปวดโรงมะเร็งที่มีสาเหตุมากจากการบริโภคสารพิษปนเปื้อนจากภาชนะที่ทำจากโฟมและพลาสติกนับเป็นความภาคภูมิใจที่ “บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด” สามารถสร้างเทคโนโลยี เพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุที่เหลือใช้ทางการเกษตร นั่นคือ ชานอ้อย

ไม่มีความคิดเห็น: